หน้าแรก เที่ยวญี่ปุ่น Day3-โตเกียว-โอไดบะ

Day3-โตเกียว-โอไดบะ

1
Day3-โตเกียว-โอไดบะ

และแล้วก็มาถึงวันที่ 3 ของการแบกเป้ตะลุยญี่ปุ่นคราวนี้ เช้านี้ผมใช้ ตั๋ว JR นั่งรถไฟชินคันเซน ขบวนแรกจากโอซาก้า มาลงที่ โยโกฮาม่า เพราะเราจองโรงแรมที่โยโกฮาม่าเอาไว้ ชื่อ โรงแรม Star Hotel Yokohama เมื่อเข้าไปถึงโรงแรมแล้ว เราก็ฝากกระเป๋าไว้แล้วก็ออกไปเที่ยว โตเกียวกันก่อนตามด้วย โอไดบะ ปกติสัญลักษณ์ของโอไดบะ จะเป็นสะพานสายรุ้ง แต่ผมชอบภาพนี้ครับ ภาพ กันดั้ม กำลังปกป้องโลกอยู่ Day3 โตเกียว โอไดบะ

ก่อนอื่นครับ ที่พักที่เราพัก โรงแรม Star Hotel Yokohama จะอยู่ใกล้กับสวน ยามาชิตะ มาก และอยู่ไม่ไกลจากย่าน ไชน่าทาวน์ ครับ ใกล้สถานีบริการรถไฟเอกชนของโยโกฮาม่า ถ้าอยากจะใช้ JR ก็ต้องเดินไกลหน่อยครับ ประมาณ 1.4 กม. ได้ ที่เราจองโรงแรมนี้ เพราะว่า มันราคาถูกครับ และห้องก็ดูโอเคเลยทีเดียวสำหรับสองคน เราคิดว่า การเดิน 1.4 กม. เป็นเรื่องเล็กครับ เพราะมาเที่ยวญี่ปุ่นนี่ก็เดินทั้งวันอยู่แล้ว

ฮิคาวะมารุ ยามาชิตะพาร์ค

นี่คือพิพิธภัณฑ์เรืออีกที่หนึ่งในโยโกฮาม่าครับ เรือฮิคาวะมารุ ตั้งอยู่บริเวณยามาชิตะพาร์ค โยโกฮาม่าครับ

ไชน่าทาวน์ โยโกฮาม่า

และนี่ครับ ถ้าเราจะเดินไปขึ้น JR เราต้องผ่าน ไชน่าทาวน์ ของเมืองโยโกฮาม่ากันซะก่อนครับ ว่าแล้วเราก็เดินทางต่อ ไปยังสถานีโตเกียวกันดีกว่า ผมเดินทางโดยใช้ รถไฟ JR จากสถานี Kannai ไปยังสถานนีโตเกียว ครับตอนสายๆ ไม่เท่าไรครับ สายนี้รถไม่ค่อยแน่น แต่ถ้าติดเสาร์อาทิตย์ หรือเวลาทำงาน ได้ตั๋วยืนกันแน่นอนครับ ลองชั่งน้ำหนักดูครับ ระหว่างไปต่อชินคันเซน กับขึ้นรถไฟขบวนนี้ โดยส่วนตัว ผมไปต่อชินคันเซนดีกว่า มีที่นั่ง แล้วก็ถึงเร็ว (จริงๆเวลาก็พอๆกันครับ เพราะว่าถ้าไปต่อรถไฟ ก็ต้องเสียเวลายืนรออีก)

สถานีโตเกียว

เมื่อถึงสถานีโตเกียว เราก็ไม่รอช้าเดินออกไปเที่ยว Imperial Palace กันพอดี ของที่ดังที่นี่คือสะพานแว่นตา หรือสะพานนิจูบาชิ ตั้งอยู่ในเขตพระราชวัง Imperial Palace ประจำกรุงโตเกียวนี่เองครับ ทางเดินที่ไปถึงเขตพระราชวังจากสถานีโตเกียว ไม่ไกลมาก แต่ที่มากคือ พระราชวังเองมีพื้นที่กว้างขวางมากครับ เดินกันหอบเลยทีเดียว แต่ก็คุ้มค่ากับบรรยากาศครับ ภาพที่เห็นเป็นภาพที่ถ่ายด้านหน้าไกลๆ จากสถานีโตเกียวครับ เราจะเห็นสถานีโตเกียวอยู่ไกลลิบๆครับ

สะพานแว่นตา นิจูบาชิ โตเกียว

และนี่คือสะพานแว่นตา หรือสะพาน นิจูบาชิ ที่เลื่องลือครับ ที่มองกันว่าเป็นสะพานแว่นตาก็เพราะว่า เมื่อยามน้ำนิ่ง จะเห็นเงาสะท้อนของตัวสะพานปรากฎเป็นรูปแว่นตาครับ หลังจากที่เราเยี่ยมชมพระราชวังกันเรียบร้อยแล้ว เราก็หิวครับ หิวมาก จนกินอะไรก็ได้ เลยแวะไปหาอะไรกินที่สถานีโตเกียวกัน ร้านที่หวยออกก็ได้แก่ ร้านข้าวแกงกะหรี่ครับ

ข้าวแกงกะหรี่ สถานีโตเกียว

เมนูที่สั่งก็ได้แก่ข้าวแกงกะหรี่ชีสซี่ครับ เพราะสั่งอย่างอื่นไม่เป็น ร้านที่เข้าไปนั่งจะคล้ายๆบาร์ครับ แต่จะแยกเป็นโซนปลอดบุหรี่ และโซนสูบบุหรี่ รสชาติอร่อยทีเดียว หรือว่าเราหิวมากก็ไม่รู้นะครับ เมื่อเติมพลังเสร็จ ก็เข้าไปเยี่ยมชมในเมืองสักหน่อย เราก็ นั่ง JR ไปแถวๆ ฮาราจุกุกันก่อน

ฮาราจุกุ โตเกียว

ที่นี่ยังเหมือนเดิมครับ ผู้คนพลุกพล่านเหมือนเดิม ที่ผมสังเกตุดู มีอะไรที่แปลกๆคือ ประการแรกฮาราจุกุ มีร้านเครปเยอะมาก แต่ละร้านก็มีคนต่อแถวไม่น้อยเลยทีเดียว ประการที่สองคือ ผมมาวันอาทิตย์ที่ปกติ ควรจะต้องมีวัยรุ่นแต่งตัวมาประชันกัน แต่เท่าที่เห็น หายากมากเลยครับ หรือผมไปผิดที่ก็ไม่รู้ และประการที่สาม แถวนี้มีฝรั่งผิวดำขายของกันเยอะครับ ส่วนมากจะขายพวกเสื้อผ้า รองเท้า หมวกอะไรประมาณนี้ครับ พอเยี่ยมชมเสร็จ ผมก็ไปเยี่ยมชม อะคิบะต่อ

อากิฮาบาระ โตเกียว

อะคิบะ หรืออากิฮาบาระ ยังคงเป็นแหล่งรวม การ์ตูน เกม และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ไม่เปลี่ยนแปลงครับ สิ่งที่อยู่คู่กับอะคิบะ มาช้านาน แต่ผมก็ไม่เคยเข้าไปนะครับ ก็คือ … Maid Cafe ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นสาวๆ เด็กๆ น่ารักๆ มายืนแจกโบร์ชัวร์ กันให้ควักเลยทีเดียว เพื่อนผมที่มีประสบการณ์เข้าไปเล่าว่า เข้าไปก็จะมีให้ดื่มชา กับขนม แล้วสาวเสิร์ฟก็จะแต่งตัวยังกับเมดในการ์ตูนยังงั้นเลย

อากิฮาบาระ โตเกียว

ภาพนี้เลยครับ บังเอิญยกกล้องไวมาก เลยได้มา 1 ภาพ แต่ก็เบลอๆ ไปนิดนึง สาวน้อยกำลังยืนแจกโบรชัวร์อยู่ ต่อมาครับ ได้เวลาข้ามไปโอไดบะกันสักที เรานั่งมาลงที่จุดเชื่อต่อรถไฟสายยูริคาโมเมะ เพื่อที่จะนั่งต่อไปยังโอไดบะครับ รถไฟขบวนนี้จะวิ่งผ่านสะพานสายรุ้งด้วยครับ

Yurikamome Station

ภาพที่เห็นจะเป็นภาพถ่ายสถานี ยูริคาโมเมะ นะครับ ว่าแล้วเราก็เดินทางข้ามไปเกาะโอไดบะกันเลยย การมาโอไดบะครั้งนี้ ผมอยากไปอยู่ 3 ที่ครับ ที่แรก Diver City ไปดูกันดั้มขนาด MS-078 Full Scale ที่จัดแสดงอยู่หน้าห้าง ไดเวอร์ซิตี้นี่แหล่ะครับ อันที่สองคือ Venus Fourt ห้างที่ตกแต่งอย่างหรูหรา แบบยุโรป ส่วนอันที่สามก็คือ… ออนเซ็นโมโนกาตาริ ครับ

กันดั้ม ไดเวอร์ซิตี้ โตเกียว

และแล้วเราก็มาถึงโอไดบะครับ รีบไปที่จัดแสดงกันดั้มโดยด่วน เพราะอีกไม่นาน การแสดงแสงสีเสียง จะเริ่มต้นแล้ว เราก็ไปรอดูกัน แต่ขณะที่กำลังอดู โครตหิวเลยครับ เลยต้องไปซื้อซาลาเปาไส้ถั่วแดง จากกันดั้มคาเฟ่ใกล้ๆ มากินกัน ซาลาเปารูปฮาโล น่ารักดี

ซาลาเปา กันดั้มคาเฟ่ โอไดบะ

กินอิ่มแล้วก็ปูเสื่อรอต่อ โชคดีครับที่วันนี้ถึงแม้ฟ้าจะหม่นมากในวันนี้ แต่ก็ฝนไม่ตก เอาล่ะครับ ได้เวลาเริ่มการแสดงแสงสีเสียงแล้ว ก็มีประกาศ แล้วก็มีเสียงพระเอกในเรื่องกันดั้มภาคต่างๆ ตะโกนออกมาครับ

กันดั้ม ไดเวอร์ซิตี้ โอไดบะ

จากนั้นก็มีควันพุ่งออกมาจากตัวกันดั้ม ตามด้วยแสงสี และหัวกันดั้มขยับซ้าย ขวาขึ้นลงได้ครับ แล้วก็มีเสียงต่อสู้เป็นสงครามอวกาศออกมาเป็นระยะๆครับ เด็กๆที่อยู่ในบริเวณนั้น ชอบใจกันใหญ่ การแสดงใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาทีได้ครับ โดยเริ่มแสดงตอนฟ้ามืดครับ คิดว่าตอนนั้นน่าจะประมาณ 5 โมงได้ครับ

ต่อมาครับ เราจะไปวีนัส ฟอร์ทกัน แต่ก่อนจะไปถึงวีนัส ฟอร์ท ยังไงก็ต้องผ่าน เมก้าเว็บ Mega Web อยู่แล้ว ซึ่งเป็นที่จัดแสดงรถยนต์ของโตโยต้าครับ ตั้งแต่รุ่นโบราณเลยครับ ว่าแล้วก็เข้าไปเดินชมกันสักหน่อย

เมก้าเว็บ Mega Web โอไดบะ

บรรยากาศภายในก็ตกแต่งแบบโบราณเลยครับ บรรยากาศคล้ายๆ ยุค 60 ครับ แล้วก็มีรถยนทีเด็ดรุ่นต่างๆ แสดงโชว์อยู่ เอาล่ะครับ เราก็มาถึงวีนัสฟอร์ทแล้ว

วีนัสฟอร์ท โอไดบะ

ใครมาถึง วีนัสฟอร์ท แห่งโอไดบะ ก็ต้องมาถ่ายรูปกับน้ำพุที่ว่านี้ครับ วีนัสฟอร์ท เป็นห้างแบบพลาซ่าครับ มีคนเดินซื้อของอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ผมไม่ถนัดซื้อของครับ พอเดินถ่ายรูปสักพัก เราก็ออกเดินทางไป ออนเซ็นโมโนกาตาริ กันครับ เป็นออนเซ็นที่เรียกว่าดีที่สุดในโตเกียวเลยก็ว่าได้ และตั้งอยู่บนเกาะโอไดบะแห่งนี้ ผมใช้วิธีการเดินไปครับ แต่ขอบอกว่าไกลมากครับ แนะนำให้ขึ้นรถไฟไปดีกว่าครับ

ออนเซ็น โมโนกาตาริ โอไดบะ

และแล้วก็มาถึงออนเซ็นโมโนกาตาริ ที่โอไดบะครับ พอเข้าไปถึงก็ต้อง ต่อคิวครับ หลังจากนั้น พอเข้าไปที่ เคาท์เตอร์ เช็คอิน ก็จะได้รับ กุญแจ locker สำหรับเก็บรองเท้า เสื้อผ้า และ Tag สำหรับใช้บริการร้านค้าครับ จากนั้นก็เดินไปเลือกชุด ยูกาตะครับ เลือกเสร็จก็เข้าห้องแต่งตัว ด้านในก็จะเป็นเหมือนเทศกาลงานวัดครับ มีขายของกินและของที่ระลึก โดย การใช้บริการร้านค้า เค้าจิดคิดเงินเราผ่าน Tag ที่ได้รับมาจาก เคาท์เตอร์ เช็คอินครับ เดินสำรวจได้สักพัก ก็นั่งรับประทานอาหารกัน ที่นี่มีส่วนหนึ่งเป็นโรงแรมให้แขกเข้าพักด้วยครับ แต่ผมไม่ได้เข้าพัก รสชาติอาหาร ต้องขอบอกว่า ธรรมดามากๆ แต่ก็มีราคาพอสมควร

แล้วเราก็เดินมาสัมผัสสวนภายนอกครับ ที่นี่มีไว้ให้แช่เท้าครับ เจอหนุ่มสาวกำลังสวีทกันเยอะเลย ดูๆไปแล้วน่าอิจฉามากครับ บรรยากาศไฟสลัวๆ น้ำอุ่นๆ ผ่านปลายเท้า ลมพัดอ่อนๆชวนได้บรรยากาศที่จะนั่งกับคนรัก

จริงๆโซนที่เขียนถึงด้านบน ผมเอากล้องตัวเล็กเข้าไปครับ แต่เวรกรรม เมมโมรี่การ์ดผมมันคอรัป รูปหายหมดเลย เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ แต่โซนอาบน้ำเอากล้องเข้าไปไม่ได้นะครับ อย่าพกไปเด็ดขาด

และแล้วก็ได้เวลา อาบน้ำกันครับ ห้องอาบน้ำที่นี่ แน่นอน ต้องแยกหญิงชายอยู่แล้ว พอเข้าไปถึงโซนอาบน้ำ ก็มี locker อีกอันหนึ่งให้ใช้บริการครับ สำหรับเก็บชุด ยูกาตะ และมีผ้าเช็ดตัวให้ ต่อไปก็ได้เวลาเปลื้องผ้ากันแล้วครับ เข้ามาถึงที่นี่ ไม่ต้องอายอีกต่อไป เพราะเราทุกคนเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันหมด (คนญี่ปุ่น เค้าคิดอย่างนั้นครับ) ผมได้ยินเสียงคนไทยคุยกันด้วยล่ะ ผมเลยปิดปากเงียบดีกว่า แล้วก็ไปอาบน้ำอย่างเนียนๆ เริ่มต้นเราก็ต้องไปนั่งอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อนที่จะลงไปแช่น้ำ น้ำที่นี่จะมีหลายบ่อ อุณหภูมิ ก็จะแตกต่างกันไป ควรจะเริ่มจากบ่อที่มีอุณหภูมิต่ำสุดก่อน แล้วค่อยๆ ย้ายไปเรื่อยๆ แต่ที่ผมชอบคือบ่อแช่กลางแจ้ง ได้บรรยากาศสุดๆ แต่ยิ่ง แช่คนยิ่งมาเยอะครับ เลยหนีกลับมาแช่ด้านในต่ออีกหน่อยแล้วค่อยขึ้นจากน้ำครับ แช่น้ำร้อนขนาดนี้ แช่นานมากไม่ได้ครับ เดี๋ยวเสียเหงื่อแบบไม่รู้ตัว จะตายซะก่อน

อาบน้ำเสร็จก็ได้เวลา check out คิดค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตั้งแต่ค่ากิน ค่าของที่ระลึกที่เราซื้อมา จ่ายตังเสร็จแล้วก็เดินตัวปลิวไปเอารองเท้าแล้วก็กลับบ้านได้เลยครับ

ก่อนกลับ ก็ต้องแวะถ่ายภาพ สะพานสายรุ้ง สัญลักษณ์แห่งเกาะโอไดบะ กันก่อน

สะพานสายรุ้ง โอไดบะ

เป็นอันจบทริปของวันนี้ครับ วันต่อไป เราจะไปเยี่ยมชม เมืองมรดกโลก ที่นิกโก้กันครับ เชิญรับชมภาพ ทริปของวันนี้ได้เลยครับ