หน้าแรก เที่ยวญี่ปุ่น Day 6 – นารา-เกียวโต-เมืองเก่า

Day 6 – นารา-เกียวโต-เมืองเก่า

0
Day 6 – นารา-เกียวโต-เมืองเก่า

เมือง นารา เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เพราะครั้งหนึ่ง เคยเป็นเมืองหลวงของ ญี่ปุ่น จึงทำให้มีประวัติศาสตร์และสถานที่น่าสนใจมากมาย เกียวโตเอง ก็เช่นกัน เป็นเมืองหลวงเก่าที่มีประวัติศาสตร์ ยิ่งใหญ่และยาวนาน

Day 6 – นารา-เกียวโต-เมืองเก่า

และแล้วเราก็มาถึง Day 6 เราเริ่มออกจากที่พักเดิมที่เราพัก คือ โรงแรม Star Hotel Yokohama ที่โยโกฮาม่าครับ เรารีบออกมา ให้ทันรถไฟความเร็วสูง ขบวนแรกครับ ขบวนแรกวิ่งประมาณ 6.00 น. เพราะนั่นจะทำให้เรามาถึงที่พัก ที่โอซาก้า ประมาณ 9 โมงเช้าครับที่พักของเราที่โอซาก้า ก็คือที่เดิมครับ Business Hotel ชื่อ Hotel Consort Shin-Osaka อยู่ใกล้กับสถานี Subway Nishinakajima Minamigata ไม่กี่ป้ายจากสถานี Shin-Osaka

ออกเดินทางสู่ นารา

พอถึงที่พักที่ โอซาก้า เราก็ไม่รอช้า รีบฝากของแล้วออกมานั่งรถไฟไปนาราต่อ เสียดายไม่มี รถไฟความเร็วสูงให้นั่ง เราเลยต้องนั่งรถไฟจากตรงที่พัก ไปลงสถานี Tennoji แล้วต่อรถไฟ JR Yamatoji Line Rapid Service เน้นครับ ให้ใช้บริการสาย Rapid Service จะเร็วกว่าสายธรรมดาครับ

สถานี JR นารา

เที่ยวเมือง นารา

วัดที่ต้องไปให้ได้ ก็คือวัด โทไดจิ (Todaiji)ครับเป็นวัดที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโต (Daibutsuden) ครับ ตามประวัติศาสตร์ วัดนี้ถูกเผาทำลายไปถึงสองครั้งด้วยกัน ครั้นสร้างใหม่ ขนาดก็ไม่ใหญ่เท่าเดิม ขนาดปัจจุบันเป็น สองในสาม ของขนาดจริงที่เคยสร้างในอดีต แต่ก็ยังคงเป็น พระอุโบสถ ที่สร้างด้วยไม้ ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ดี

เราเริ่มออกจากสถานี JR Nara แล้วก็มองหาป้ายรถเมลล์ครับ อยู่นอกสถานี JR Nara เป้าหมายของเราคือ รถเมลล์ Loop Bus หมายเลข 2 สายเข้าเมือง ครับ Loop Bus ก็คือ รถเมลล์ที่วิ่งเป็นวงรอบแล้ววิ่งกลับมาที่เดิมเป็นวงกลมครับ สำหรับเมืองนาราเข้าใจง่ายครับ มีสองสาย คือ เบอร์ 1 กับ เบอร์ 2 เบอร์ 1 วิ่งจาก JR Nara ทวนเข็มนาฬิกา เบอร์ 2 วิ่งสวนกลับและป้ายรถเมลล์เป้าหมายของเรา ก็คือป้าย Daibutsuden ครับ ให้เห็นภาพลองดูเว็บการท่องเที่ยว นาราได้ที่นี่ครับ http://narashikanko.or.jp/en/access/

ผังเดินรถ นารา

พอลงมาแล้วก็เดินตามฝูงชนได้เลยครับ ฝูงชนไม่เท่าไร มีฝูงกวาง ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมืองเลยทีเดียวครับ เพราะที่นี่คือ Nara Park นั่นเอง กวาง เป็นสัญลักษณ์ของเมือง นารา อีกทั้งยังมีความเชื่อว่า กวางเป็นสัตว์ศักสิทธิ์ ที่ปกป้องเมือง เมื่อครั้งเริ่มต้นสร้างเมืองอีกด้วย ตามร้านค้าข้างทาง จะมีขนมเซมเบ้วางขาย ให้นักท่องเที่ยวซื้อหาให้กวางครับประทาน การเลี้ยงกวางที่นี่มีข้อควรระวังคือ อย่าให้ขนมอย่างอื่นที่ไม่ใช่เซมเบ้ เพราะเดี๋ยวกวางจะป่วย แล้วก็อย่าทำให้มันตกใจ เพราะมันจะไล่ถีบเอา

สวน นารา (Nara Park)

Nara Park มีกวางอยู่มากมายจริงๆครับ สมกับเป็นสัญลักษณ์ของเมือง นารา แห่งนี้ นอกจากนี้ สวนแห่งนี้ ยังมีความเป็นธรรมชาติหลงเหลืออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นสวนที่สร้างขึ้นก็ตาม แต่ก็สร้างบางส่วนและเป็นธรรมชาติบางส่วนเหมือนสวนทั่วไป

กวาง นารา

เดินไปอีกนิดก็จะเป็นเป้าหมายของเราแล้วครับ วัดใหญ่โทไดจิ (Todaiji Temple)ถ้ามา นารา แล้วไม่ได้มาวัดนี้ถือว่ามาไม่ถึงครับ วัดนี้ถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเลยทีเดียว นอกจากนี้ วัดโทไดจิ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกอีกด้วยครับ

ทางเดินไปวัด โทไดจิ

ประตูชั้นแรก ก็จะมียักษ์สองตัวเฝ้าอยู่ ผมคิดว่าเป็น อัศนีย์เทพ และ วายุเทพ ของญี่ปุ่นนั่นเอง

ยักษ์เฝ้าประตูวัด โทไดจิ

ยักษ์เฝ้าประตูวัด โทไดจิ

พอผ่านประตูชั้นแรกมา ก็จะเจอสวนขนาดใหญ่ และพระอุโบสถ ตั้งสวยสง่าอยู่ตรงกลางสวน

วัด โทไดจิ

บริเวณรอบๆ ก็จะมีสวนหย่อม สระน้ำและเกาะกลางน้ำอยู่ ประดับด้วยต้นไม้ และใบไม้หลายชนิด

สวนในวัด โทไดจิ

ก่อนจะเข้าถึงตัวพระอุโบสถ อย่าลืมล้างหน้าล้างมือ ชำระกายใจให้บริสุทธิ์ ก่อนเข้าไปในวัดด้วยครับ จะมีอ่างน้ำและกระบวยตักน้ำล้างหน้าล้างมือ ตามธรรมเนียมของวัดญี่ปุ่นครับ

ที่ล้างหน้า วัดโทไดจิ

พอมาถึงด้านหน้า ก็จะเจอกับลานปูนยาวเป็นทางเดินตรงเข้าไป สู่พระอุโบสถ วัดโทไดจิ (Todaiji)

วัดโทไดจิ

ด้านในพระอุโบสถก่อนเข้าก็จะเจอ คนอออยู่ด้านหน้า ถ่ายรูปพระพุธรูปองค์ใหญ่ ไดบุตสึ (Daibutsu)ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันครับ

พระใหญ่ ไดบุตสึ แห่งนารา

นอกจากพระพุธรูปองค์ใหญ่ ไดบุตสึแล้ว ยังมีพระพุทธรูปองค์รอง อยู่ด้านข้าง พระพุธรูปองค์ใหญ่ ไดบุตสึ อีกด้วย

พระพุทธรูปในวัด โทไดจิ

ด้านข้างทั้งสองข้าง ภายในพระอุโบสถยังมี รูปปั้นของเทพ บิชามอนเทน (Bishamonten) และ โคโมคุเทน (Komokuten) ผู้พิทักษ์วัดโทไดจิอีกด้วย

บิชามอนเทน (Bishamonten)

โคโมคุเทน (Komokuten)

ส่วนด้านหลัง พระอุโบสถ จะเป็น แบบจำลองการก่อสร้างวัดในสมัยก่อน ที่จะถูกเผาทำลาย

แบบจำลอง วัดโทไดจิ ก่อนถูกทำลาย

ด้านนอกพระอุโบสถ ก็จะรายล้อมไปด้วยกำแพงยาวเหยียด กับพื้นที่โล่งขนาดใหญ่

กำแพงวัด โทไดจิ

ออกมาเดินชมสวนกันต่อครับ ผมว่าวิวนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว สำหรับสระน้ำและ วัดที่ตั้งอยู่ปลายสุดของสระน้ำ

สระน้ำวัดโทไดจิ

นอกจากตัวพระอุโบสถใหญ่แล้ว ยังมีสิ่งก่อสร้าง และห้องอื่นๆให้ได้ชมกันอีกด้วย

ศาลเจ้าในวัด โทไดจิ

มองจากที่สูงเมือง นารา ถือว่าเป็นเมืองที่เจริญอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังแฝงไปด้วยกลิ่นอาย ของยุคสมัยเก่าๆอยู่

เมือง นารา

เที่ยวเมือง นารา จนหนำใจ ก่อนกลับ เจอกลุ่มเด็กๆ ทำกิจกรรมกัน ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าเค้าทำกิจกรรมอะไรกัน แต่รู้ว่า เค้าแต่งชุดกวางกันน่ารักดี ก็เลยเก็บภาพมาไว้ให้ดูชม

เด็กในเมือง นารา

เที่ยว เกียวโต

เริ่มตกเย็นแล้ว เราคงต้องลา นารา กันสักที แล้วเราจะไปต่อกันที่ เกียวโตยามค่ำคืนกัน ทีแรกเราอยากจะไปชม ปราสาท นิโจ กัน แต่ว่าไปไม่ทันครับ เลยต้องไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ แม่น้ำคาโมกาวะ แทน

แม่น้ำ คาโมกาวะ เกียวโต

ก่อนอื่นมาดูลายแทงกันก่อนครับ

แผนที่ เกียวโต

เป้าหมายแรก คือหมายเลข 2 ถนน ฮานามิโกจิโดริ (Hanamikoji Dori) เป็นจุดเริ่มต้นของย่านเมืองเก่า กิออน (Gion) ผมมาจากสถานี เกียวโต ตอนแรกคิดจะนั่งรถเมลล์ธรรมดามาที่นี่ แต่ว่ามันเย็นแล้ว และต้องการความเร็ว เลยนั่ง Subway มาแทนแล้วเดินเอา

มาดูย่าน กิออนกันครับย่านนี้เป็นย่านอนุรักษ์ บ้านเรือนเป็นแบบโบราณกันทั้งหมด อาจจะมีประดับประดาไฟ เหมือนสมัยใหม่บ้าง แต่ก็ยังคงอนุรักษ์รูปแบบ เดิมอยู่

ย่าน กิออน เกียวโต

ในย่านนี้จะมีสถานบันเทิง ตามแบบฉบับของ เกียวโต อยู่นั่นก็คือ กิออนคอร์เนอร์ครับ เป็นสถานที่แสดงละครจาก เกอิชา และ ไมโกะ ตอนที่ผมไปก็มีคนเข้าไปดูกันพอสมควรเลยทีเดียว แต่ผมไม่ได้เข้าไปดูนะ

กิออนคอร์นเนอร์ เกียวโต

พอเราเดินเล่นที่ย่านกิออนอย่างจุใจแล้ว ขอกลับไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินที่แม่น้ำ คาโมกาวะ อีกสักหน่อย

ริมแม่น้ำ คาโมกาวะ เกียวโต

จะเห็นว่ามีตึกรามบ้านช่อง เรียงรายอยู่เป็นแนว ตรงแถวนั้น เป็นร้านอาหารริมน้ำล้วนๆ ครับ ตำแหน่งอยู่ที่หมายเลข 1 ในลายแทง ด้านบน ครับ

ริมแม่น้ำ คาโมกาวะ เกียวโต

ผมกับเพื่อน แพลนกันมานานแล้วว่า จะทุ่มทุน กินอาหารชุดของ เกียวโต สักครั้ง เพราะได้ยินคำร่ำลือ มานานแล้วว่า อาหารชุดของ เกียวโต เตรียมกันด้วย วิถีที่ปรานีต ตั้งแต่เริ่มปรุง จนจัดลงจาน และเสริฟท์ กันเป็นรายการต่อรายการ เลยมาเดินหาร้านอาหารในตรอกกันครับ

ตรอกในเกียวโต

เราก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าร้านไหนดีหรือไม่ดี แต่เอาเป็นว่า ร้านที่มันมีราคาบอกไว้แล้วกัน จะได้รับได้ พอเข้าไป พนักงานก็จะถามว่า จองไว้หรือเปล่า แล้วก็ให้ถอดรองเท้า เก็บไว้ใน locker จากนั้นก็พาเราไปยังที่นั่ง อ้อถ้าใครไม่เอาที่นั่งสูบบุหรี่ ก็ต้องบอกเค้าด้วยว่า No Smoking นะครับ

ร้านอาหารริมน้ำ เกียวโต

และแล้ว เราก็เริ่มสั่งครับ เราสั่งคอร์สอาหาร ปกติของวัน ที่ราคาประมาณ 3500 เยน ครับ หรือประมาณ 1100 บาท ต่อคนครับ สั่งแล้วก็นั่งรออาหารไปก่อน เอาอุปกรณ์บนโต๊ะมาให้ดูชมก่อนรับประทาน

โต๊ะอาหาร เกียวโต

มาแล้วครับ จานแรก ยังกับออร์เดิร์ฟ ยังไงยังงั้น อาหารถูกจัดเตรียมได้อย่างปราณีต แม้แต่ช่องว่างระหว่างอาหาร ยังจัดเท่ากันพอดีเป๊ะเลยทีเดียว

อาหารคอร์ส เกียวโต

กินจานแรก ไปหมด พนักงานก็มาเก็บจาน แล้วสักพักก็เสิร์ฟจานที่ 2 ต่อทันที จานที่สอง มีสองอย่าง ตามรูปด้านล่างครับ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหมือนกันครับ แต่จานแรกกินไป รู้สึกนุ่มละมุนลิ้น คลุกเคล้าไปด้วยไข่ปลา และความเปรี้ยวของมะนาวเสี้ยว อร่อยอย่าบอกใคร อย่างที่สอง เป็นกุ้งและซาชิมิเล็กๆครับ อันนี้ต้องทานคู่กับ วาซาบิ และน้ำจิ้มซอส โชยุครับ ด้วยความสดของ ปลาและ กุ้ง รถชาติดีจริงๆครับ

อาหารคอร์ส เกียวโต

อาหารคอร์ส เกียวโต

ชามต่อไปครับ เป็นซุปครับ น้ำซุปกลมกล่อม แล้วก็มีอะไรคล้ายๆ ลูกชิ้น ให้เรารับประทานกันครับ ทั้งนิ่ม ทั้งอร่อย ออกรสชาติ เหมือนซุปน้ำแดง ยังไงยังงั้น

อาหารคอร์ส เกียวโต

เมนูต่อไปครับ เป็นไก่เทอริยากิในซอสมะนาว และปลานึ่งซีอิ้วครับ รสชาติไก่เทอริยากินี่แปลกแต่อร่อยครับ มันมีความเปรี้ยวของมะนาว ผสมกับซอสเทอริยากิ เข้มข้นกลมกล่อมเลยทีเดียว ส่วนปลานึ่งมะนาวนั้น เนื้อปลานิ่มกับน้ำซอสที่เข้าเนื้อ ผสมกับยำสาหร่ายที่อร่อยกำลังพอเพราะ รับประทานหมดอย่างมึนงง ว่าหมดไปตั้งแต่ตอนไหน

 

อาหารคอร์ส เกียวโต

อาหารคอร์ส เกียวโต

ต่อมาเป็นจานเด็ดครับ เมนูปลาย่าง ในซอสเข้มข้น ความเข้มข้นและรสพริกไทย ของซอส ขับรสชาติของปลาออกมาให้หวานอร่อยมากขึ้น เนื้อปลาที่แน่นและสด ให้เราได้ความหวานของปลา ที่มีรสชาติกำลังลงตัวพอดี

อาหารคอร์ส เกียวโต

พักจากของคาว มากินของหวานกันบ้างครับ จานนี้จะเป็นส้มโอ ครับกับอะไรสักอย่างคล้ายแตงโมแต่ไม่ใช่ รถชาติหวาน แต่ไม่ถึงกับหวานมาก แต่มีความเย็นทำให้ยิ่งนุ่มละมุนลิ้นมากเป็นพิเศษ ดับความคาวของอาหารที่รับประทานไปช่วงแรกได้อย่างหมดจด

อาหารคอร์ส เกียวโต

หลังจากของหวานด้านบน กุ้งและปลากระเทียมพริกไทยดำ ก็เสิร์ฟต่อ แต่จานนี้รสชาติ ค่อนข้างคุ้นลิ้นเหมือนรับประทานมาเยอะที่เมืองไทย

อาหารคอร์ส เกียวโต

จานสุดท้าย ปิดด้วยของหวานอีกรอบ ครีมคล้ายสังขยา กับถั่วแดงที่เข้ากันพอดี และขนมคล้ายขนมไข่ เสิร์ฟมาคู่กัน รับประทานแล้ว ฟินมาก ยิ่งสำหรับคนชอบรับประทานของหวานด้วยแล้ว จานเท่านี้ คงจะไม่พอ

อาหารคอร์ส เกียวโต

อาหารคอร์ส เกียวโต

สำหรับวันนี้ ก็ต้องจบลงเท่านี้ เพราะเราจะต้องเดินทางกลับ โอซาก้า กันแล้ว อย่าลืมติดตามชมตอนหน้านะครับ ปิดท้ายกันด้วยภาพริมแม่น้ำ คาโมกาวะ อีกสักรอบ สวัสดีครับ

ริมแม่น้ำ คาโมกาวะ เกียวโต