วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เรายังอยู่ที่ เชียงราย เป็นวันที่ 3 ของทริปนี้แล้วครับ หลังจากที่เราขึ้นดอยมากันตอนที่แล้ว วันนี้เราก็จะพาไปเที่ยวกันแบบสบายๆบ้าง เริ่มต้น เราจะแวะไปเที่ยว วัดร่องขุ่นกันก่อน ต่อมาค่อยแวะไปไร่บุญรอด ทัวร์ไร่ และทานอาหารที่ร้านอาหารภูภิรมย์ หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็จะพาไปเที่ยววัดดังในเมืองกัน ซึ่งได้แก่ วัดพระแก้ว วัดพระสิงห์ วัดมิ่งเมือง และหลัวจากเที่ยววัดเสร็จ ก็ต้องไปแวะเที่ยวที่เชียงราย ไนท์บาร์ซ่า กันสักหน่อย แล้วค่อยเข้านอนกัน
หลังจากเสร็จภาระกิจตอนเช้าแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่วัดร่องขุ่นกัน วัดร่องขุ่นอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงรายมากครับ ประมาณ 15 นาทีก็ถึงวัดแล้ว ภายในวัดมีที่จอดรถเหลือเฟือครับ หลังจากจอดรถแล้วก็เดินเข้ามาทางด้านหลังวัดครับ วัดนี้ถูกสร้างและออกแบบโดย อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2554 เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณวัดแล้ว ก็จะเห็นวิวนี้กันก่อนครับ
และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ จนถึงด้านหน้า ก็จะพบกับ มุมมหาชนครับ มุมด้านหน้าพระอุโบสถ สะท้อนกับสระน้ำอยู่ด้านหน้า บางครั้งด้านหน้าพระอุโบสถ อาจารย์ เฉลิมชัย จะประกาศออกไมค์ แนะนำนักท่องเที่ยวด้วยครับ
การเดินเข้าชมพระอุโบสถ ให้เดินเข้าไปอย่างเดียวอย่าเดินย้อนกลับออกมา เพราะตามวิถีการสร้าง ปากทางเข้าเปรียบเสมือนขุมนรก และพระอุโบสถเปรียบเสมือน สวรรค์ เมื่อเข้าไปถึงพระอุโบสถแล้ว ด้านใน ก็จะมีพระพุทธรูปให้สักการะ และผนังภายในพระอุโบสถ จะมีผลงานจิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพของอาจารย์เฉลิมชัย ให้ได้ชมกันอีกด้วย แต่ว่า ภายในพระอุโบสถนี้ ห้ามถ่ายรูปครับ
หลังจากนั้นเราก็เดินชมรอบๆ บริเวณวัด ก็จะเห็นสิ่งก่อสร้าง ที่เป็นศิลปะร่วมสมัยมากมาย
เมื่อเสร็จภาระกิจ จากวัดร่องขุ่นแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังไร่บุญรอด อยู่ใกล้ๆกับวัดร่องขุ่น วิ่งไปทางถนน 1208 สุดทางแล้วเลี้ยวขวาไปไม่ไกล จะเห็นไร่บุญรอด ตั้งตระหง่านอยู่แต่ไกล เพราะเจ้าสิงห์ สีทองตัวใหญ่ดูสะดุดตาเสียจริง
เมื่อมาถึงแล้ว ก่อนอื่นต้องไปจองคิวรถ ทัวร์ไร่บุญรอดเลยครับ เพราะรถส่วนตัว เข้าไม่ได้ ระยะเวลาสำหรับทัวร์ไร่บุญรอดทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมง ผมยังเสียดายไม่หาย เพราะตอนที่ไป อากาศค่อนข้างร้อนแล้ว ดอกไม้เลยไม่ได้อยู่ให้เราชมเท่าไรนัก ไกด์ ที่พาชมไร่บุญรอดบอกว่า สวนดอกไม้ของไร่บุญรอด ถอดแบบมาจากสวนที่ฮอกไกโดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
แล้วรถของทางไร่ ก็พาเราไปชมจุดต่างๆ
วิวนี้ที่เห็นจะเป็นทะเลสาบ ภายในไร่บุญรอด เก็บน้ำไว้เพื่อใช้ในการเกษตรภายในไร่ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นไร่ชาครับ ที่ไร่บุญรอดนี้ มีโรงอบชาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
จุดที่สำคัญต่อไปจะเป็นแปลงสตรอเบอรี่จำลอง
อ้อ ลืมบอกไปครับ ที่ไร่บุญรอดก็มีสตรอเบอรี่ จำหน่ายนะครับ พันธุ์ 80 กับ พันธุ์ของญี่ปุ่น รสชาติดีทั้งสองสายพันธุ์ครับ คอนเฟิร์ม แต่พันธุ์ของญี่ปุ่น จะลูกใหญ่กว่าครับ ซื้อได้ที่ด้านหน้าไร่บุญรอด ศูนย์จำหน่ายของที่ระลึก เดิมทีคิดจะไปซื้อที่ม่อนเชียงดาว แต่ว่าโทรไปแล้ว มันหมดแล้วต้องจอง ถึงจะเข้าไปชมสวนได้ เลยมาที่นี่ดีกว่า
จุดนี้ครับ ร้านอาหารพานอรามา ร้านอาหารภูภิรมย์ ที่ตั้งอยู่ใจกลางไร่บุญรอด สามารถชมวิวภายในไร่แบบ 360 องศาเลยทีเดียว เดี๋ยวทัวร์ไร่เสร็จ เราจะแวะไปทานอาหารที่นี่กันครับ
จุดต่อมาครับ เป็นจุดที่จำลองบรรยากาศทุ่งหญ้า สะวันน่า ครับ ไร่บุญรอดเพิ่งจะเลี้ยงสัตว์สองชนิด ไม่ได้นาน นั่นคือ ยีราฟและ ม้าลาย สัตว์สองชนิดนี้ต่างอาศัย และเกื้อกูลกัน
ต่อมาครับ มาชมแปลงเกษตร ออแกนิก กันครับ จุดนี้จะแสดงการปลูกพืชผักผลไม้ต่างๆ ในห้องควบคุมอุณหภูมิ และความชื้น และจุดนี้เป็นจุดสุดท้ายในการ ทัวร์ไร่บุญรอดครับ
แวะถ่ายภาพสวนดอกไม้ ภายในไร่บุญรอดกันหน่อยครับ จะเห็นว่าดอกไม้มันโรยไปหมดแล้ว ถ้าจะดูอีกทีคงจะต้องมาตอนหน้าหนาว ตอนนี้เริ่มหิวแล้วครับ เรากำลังจะไปรับประทานอาหารกลางวันที่ ร้านอาหารภูภิรมย์กันครับ
ตอนมาถึง ก็รีบขึ้นไปสั่งอาหารก่อนครับ ในขณะที่รออาหาร ก็มาเดินชมรอบๆ ร้านอาหาร แวะถ่ายรูปกันก่อน
แล้วก็อีกรูปครับ วิวที่มองจากบริเวณร้านอาหารภูภิรมย์
ทีนี้ก็ได้เวลารับประทานอาหารกันแล้วครับ ตั้งแต่ไก่ย่างภฺภิรมย์ ต้มยำปลา ยำใบชากรอบ สลัดทูน่าชา ยำกุ้งลายเสือ
ราคาอาหารก็ถือว่า มาตรฐานทั่วไปครับ ไม่ได้แพงมากมายจนรับประทานไม่ได้ครับ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็จะไปเที่ยวต่อกันที่วัดในเมืองกันครับ โดยวัดแรกที่เราจะไปก็ได้แก่วัดพระแก้วครับ
นอกจากพระแก้วมรกตที่น่าสนใจแล้ว ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ ให้ชมกันอีกด้วยครับ
วัดถัดมาที่เราจะไปได้แก่วัดมิ่งเมืองครับ เป็นวัดโบราณที่อยู่คู่กับเมืองเชียงรายมาเป็นร้อยๆปี
ภายนอกพระอุโบสถ จะมีเทวดาสีขาว ถือโคมล้อมรอบอยู่ เป็นเอกลักษณ์ของวัดมิ่งเมืองเลยทีเดียว ส่วนภายในพระอุโบสถ จะได้ชมพระประธาน ที่เป็นศิลปกรรมล้านนา ต้องขอบอกตรงนี้เลยครับว่า พระที่นี่ศักสิทธิ์มาก ตอนที่ผมเข้าไปถ่ายรูปท่านโดยไม่ได้ขออนุญาติ เมมโมรี่ในกล้องผม Corrupt เลยครับ ยังดีที่รูปไม่หาย ผมเลยต้องขออนุญาติแล้วเปลี่ยนเมมโมรี่ใหม่เลยครับ
วัดต่อไปที่เราจะไปกันก็ได้แก่ วัดพระสิงห์ครับ วัดพระสิงห์ที่จังหวัด เชียงรายก็มีประวัติเก่าแก่เหมือนกันครับ อายุอานามเป็นพันปีมาแล้ว
ผมเดินเข้ามาด้านหลังก็จะเจอเจดีย์ทองก่อนครับ แล้วค่อยไปสักการะพระสิงห์ในพระอุโบสถครับ
เอาล่ะครับ พอเที่ยววัดในเมืองอย่างที่อยากเที่ยวแล้ว เราพอมีเวลาเหลือ ก็เลยออกไปทัศนาจรต่อที่ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ของ อาจารย์ถวรรย์ ดัชนี กันครับ
ภายในก็จะเป็นการจัดแสดง บ้านดำแบบต่างๆ ให้ได้ชมกันครับ แต่ที่นี่ จะประดับด้วย หินหายาก เขาสัตว์ และกระดูกสัตว์ ซะเป็นส่วนมาก ผมถ่ายภาพไปได้นิดนึงก็รู้สึกไม่ค่อยดีครับ เลยไม่ได้ถ่ายภาพเขาสัตว์ หนังสัตว์ เอามาให้ดูกัน คือตอนไปไม่รู้ว่าเหนื่อย หรือว่าอะไร ประมาณว่า เห็นแล้วสะอิดสะเอียนอยากอ้วกมากกว่า เลยไปหาถ่ายภาพกลางแจ้ง ถ่ายวิวมาดีกว่า
ภาพด้านบนก็เป็นอีกวิวที่ผมชอบใน พิพิธภัณฑ์ บ้านดำแห่งนี้ครับ เอาล่ะตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้ว เราจะแวะไปทานข้าวกันที่ เชียงราย ไนท์บาร์ซ่า กันครับ
เรามาทานข้าวกันที่ เชียงรายไนท์บาร์ซ่า 2 ครับ เอารถไปจอดตรงขนส่งเก่า ที่นี่มีร้านอาหารให้เลือกเยอะพอสมควรครับ ตั้งแต่ อาหารตามสั่ง จิ้มจุ่ม ของทอด ของเผา มีให้เลือกสรรค์ อ้อ แต่ว่า อย่าลืมพก ก.ย. 15 ไปนะครับ ยุงเยอะทีเดียวตอนที่ผมไป หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เราก็ไปเดินดูเค้าขายของกัน ครับ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
มีสินค้าทุกสิ่งให้เลือกสรรค์ครับ ตั้งแต่ เสื้อผ้า หมวก กระเป๋า รองเท้า และอื่นๆ อีกมากมาย ขนาดผ้าปูที่นอนยังมีเลยครับ หลังจากจบภาระกิจวันนี้แล้ว เราก็เตรียมตัวเข้านอน พร้อมจะเดินทางกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นครับ และเช่นเคยครับ อย่าลืมรับชมภาพสวยๆ ของวันนี้ด้านล่างของบทความนะครับ สวัสดีครับ