ที่เที่ยวสิงคโปร์ ถ้าพูดถึงประเทศสิงคโปร์แล้ว สิงคโปร์เป็นเกาะที่อยู่ทางใต้ของประเทศมาเลเซียอีกทีหนึ่ง และเป็นเกาะที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก พื้นที่ทั้งหมดมีขนาดเพียงแค่ 718.3 ตารางกิโลเมตร ในปัจจุบัน ในขณะที่ประเทศไทยมีพื้นที่ถึง 513,120 ตารางกิโลเมตร เอ… แล้วเค้ามาเที่ยวอะไรกันที่สิงคโปร์กัน เรามาดูกันครับ

เกริ่นถึงประวัติศาสตร์สิงคโปร์กันสักเล็กน้อย สิงคโปร์เป็นประเทศที่เป็นเกาะและเป็นจุดยุทธศาสตร์ ทางการเดินเรือของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่สมัยยุคอาณานิคมเลยทีเดียว ในสมัยนั้น Sir Thomas Stamford Raffles จากประเทศอังกฤษ เข้ามาปกครองเกาะแห่งนี้อยู่ และ ได้ประกาศให้เกาะแห่งนี้ เป็น Port of Free Trade เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าทุกชนิด แบบไม่ต้องเสียภาษีกันเลยทีเดียว ส่งผลให้มีการพัฒนาการหลายๆด้านเกิดขึ้นในเกาะสิงคโปร์แห่งนี้ อีกประการหนึ่งก็คือ สิงคโปร์มีความหลากหลายทางเชื้อชาติอย่างมาก เชื้อชาติพื้นเมือง จะเป็นชาวมาลายู มีชาวจีน และชาวมาเลย์ ผสมผสานกัน แต่เค้าจะไม่แบ่งแยกว่า ใครเป็นเชื้อชาติไหน ที่สิงคโปร์ ทุกคนจะรวมกันเป็น ชาวสิงคโปร์

ที่เที่ยวสิงคโปร์ 

ถ้าพูดถึงที่เที่ยวในสิงคโปร์แล้ว ที่เที่ยวที่เด่นชัดเป็นอย่างมากก็คือ Landmark ที่ทางรัฐบาลและเอกชนช่วยกันสร้างนั่นแหล่ะครับ แล้วก็ต้องบอกตามตรงว่า ประเทศสิงคโปร์ ไม่ค่อยจะมีที่เที่ยวทางธรรมชาติให้เที่ยวกันสักเท่าไร คนที่มาเที่ยวที่นี่ ก็จะมีกิจกรรมอยู่ สามอย่าง ก็คือ การกิน , การเที่ยวชม Landmark และการแสดง และสุดท้ายยอดฮิตมากๆ ก็คือการช็อปปิ้งนั่นเอง

Landmark สิงคโปร์ ที่เที่ยวที่ทุกคนจะต้องไป

ผมจะขอเรียงตามความนิยมของผมเองก็แล้วกันนะครับ ว่าถ้าผมไปเที่ยวเองต้องไปที่ไหนให้ได้บ้าง

เมอไลอ้อนพาร์ค (The Merlion Park)

เมอไลอ้อน (Merlion) สิงโตพ่นน้ำแห่งประเทศสิงคโปร์ เมอร์ไลอ้อน ตัวใหญ่ของสิงคโปร์ จะมีอยู่สองตัว ตัวหนึ่งอยู่ที่ Marina Bay ริมแม่น้ำสิงคโปร์ และอีกตัวหนึ่งอยู่ที่เกาะเซนโตซ่า ตัวที่อยู่ที่ Marina Bay จะพ่นน้ำ ส่วนตัวที่ Sentosa จะยิงแสงเลเซอร์ได้

พอพูดถึงเมอไลอ้อน ต้องเล่าถึงตำนานเสียหน่อย ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว มีเจ้าชายแห่งมลายู กำลังล่องเรือออกเดินทางเพื่อหาดินแดนแห่งใหม่ ในขณะที่เดินทางอยู่นั้น เจ้าชายได้เผชิญกับอสูรกายแห่งท้องทะเล เช้าชายสังเกตุเห็นว่า อสูรกายตัวนี้ สนใจในอัญมณีที่มงกุฎของเจ้าชาย  เจ้าชายจึงโยนมงกุฎลงทะเลไป จริงดังคาดอสูรกายตัวนั้น ดำน้ำตามมงกุฎของเจ้าชายไป ลูกเรือพากันโห่ร้องและสรรเสริญเช้าชาย ต่อมาเจ้าชายได้เจอแผ่นดิน จึงพากันขึ้นแผ่นดินแห่งนั้น ไม่คาดคิด มีสิงโตคำรามออกมาจากป่า พุ่งหน้าเข้ามาหาเจ้าชาย เจ้าชายควักมีดพกออกมาเตรียมสู้กับสิงโต ตาต่อตาฟันต่อฟัน สายตาของสิงโตกับเจ้าชาย ได้สบตากัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกให้ความเคารพอีกฝ่ายหนึ่ง สิงโตก็สงบลง เจ้าชายก็เก็บมีดพก และสิงโตก็เดินจากไปอย่างสงบ เจ้าชายจึงตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ว่า นครแห่งสิงโต หรือเรียกว่า เมืองสิงปุระนั่นเอง

MRT : Raffles Place

มาริน่าเบย์แซนด์ (Marina Bay Sands)

มารินาเบย์แซนด์ เป็น Super Complex ขนาดใหญ่มาก มีทุกอย่างรวมตัวกันอยู่ใน Marina Bay Sands ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า โรงละคร คาสิโน และโรงแรม และที่สำคัญ ทีเด็ดของที่นี่ ก็คือ Sands Sky Park อยู่ที่ชั้นบนสุดของ Marina Bay Sands นั่นเอง บนนี้จะเป็นจุดชมวิวแบบพานอรามา ที่ให้คุณได้ชมวิวเมืองสิงคโปร์จากอ่าวแห่งนี้ ขอบอกว่าสูงใหญ่มากจริงๆ และยังมีสระว่ายน้ำ ที่ติดกระจกอยู่ริมขอบ Sands Sky Park อีกด้วย

ที่สถานี Bay Front หน้า Marina Bay Sands ยังมีการแสดงม่านน้ำ และแสงสีเสียง ในชื่อการแสดงชุด Wonderfull Light เวลา 20.00 และ 21.30 ถ้าวันศุกร์เสาร์ มีการเพิ่มรอบ 23.00 อีกหนึ่งรอบ การแสดงนี้ เป็นการแสดงฟรีที่ดีมาก ผมคิดว่า เป็นการแสดงที่ดีที่สุดในสิงคโปร์ทีเดียว

MRT : Bay Front
ค่าใช้จ่าย : ฟรี (ส่วนของ Sands Sky Park เสียเงิน 23  SGD)

** ถ้าคิดจะชมวิวของสิงคโปร์ในมุมสูง แล้วกำลังเลือกระหว่าง  Singapore Flyer และ Sands Sky Park ผมแนะนำที่นี่ครับ Sands Sky Park ยิ่งใหญ่และวิวดีกว่ามากๆ

หากใครเที่ยวโซนนี้โดยใช้วิธีการเดินจาก Merlion Park ไปจนถึง Marina Bay Sands  แล้วล่ะก็อย่าพลาดสะพานอันหนึ่งที่สวยงามมาก ซึ่งก็คือ Helix Bridge ที่เป็นสะพานเหล็กเกลียวคู่ ขึงด้วยลวดสลิง เวลามีคนวิ่งก็จะไหวนิดๆ แต่เป็นสะพานที่สวยมากจริงๆ ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งสวยงาม

ไชน่าทาวน์ (Chinatown)

ย่าน Chinatown เป็นย่านค้าขายหลักของคนสิงคโปร์เชื้อสายจีนเลยก็ว่าได้ แต่ที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยว ที่ต้องไปให้ได้หลายแห่งเหมือนกัน อาทิเช่น

วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เป็นทั้งวัดและพิพิธภัณฑ์ในตัว มีหลายชั้นให้ชมพิพิธภัณฑ์ และยังเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าไปนั่งสมาธิอีกด้วย ด้านในจะไม่ให้ถ่ายภาพ แต่บอกได้คำเดียวว่า อลังการงานสร้างมากๆ สิ่งก่อสร้าง เทวรูป และของที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ ถูกบำรุงรักษาเป็นอย่างดี ทุกอย่างมีความสวยงามแบบอลังการจริงๆ  แถมยังฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

นอกจากวัดแล้ว ก็จะมี Maxwell Food Center เป็น Food Court ที่ฝันว่าจะได้ไปกินข้าวมันไก่เทียนเทียน (Tian Tian) ในตำนาน ผมก็ไปกินมานะครับ แต่ถ้าถามว่าให้ไปกินอีกที จะไปกินไหม ตอบว่าไม่ครับ ไก่นุ่มก็จริง แต่ข้าวกับซอสที่ราด รสชาติธรรมดามากๆ แต่ถ้าอยากลองรับประทานดู ก็ลองดูได้ครับ แต่อย่าสั่งจานใหญ่นะครับ สั่งจานกลางก็พอ รับรองอิ่มชัวร์ ถ้าคุณเป็นคนทั่วไปที่กินไม่ได้จุมากนะครับ

ในย่านนี้ยังมี Food Street ที่มีการตั้งร้านตั้งโต๊ะ ให้เลือกซื้ออาหารมานั่งรับประทานกันอีกด้วย นอกจาก Food Street แล้วยังมีร้านอาหารดังอย่าง Takpo และ Yumcha อยู่ในโซนนี้อีกด้วย เป็นสองร้านที่ต้องไปชิมอาหารจีนในสิงคโปร์ให้ได้เลยทีเดียว

ถ้าอยากซื้อของฝากประเภท พวงกุญแจเมอไลอ้อน ตุ๊กตาสิงโต หรืออะไรที่เกี่ยวกับเมอไลอ้อน หาซื้อได้ที่นี่เลยครับ ที่ไชน่าทาวน์ ถูกที่สุดแล้ว แต่ไปร้านหลืบๆหน่อยนะ ร้านติดถนนใหญ่มักจะแพงกว่า ให้ลองเปรียบเทียบราคาดูก่อน

ส่วนของฝากที่ฮิตที่สุด เวลาไปสิงคโปร์ก็คือ หมูแผ่นสิงคโปร์ ร้านที่อยู่ใน Chinatown จะมีอยู่สามร้านด้วยกัน ก็คือ BEE CHENG HIANG เป็นร้านเก่าแก่ Packaging ดี มีขายในสนามบินด้วย แต่คนสิงคโปร์เค้าไม่ซื้อร้านนี้กันนะ ร้านนี้เป็นร้านทัวร์ลงเสียมากกว่า อีกร้านคือ ร้าน LIM CHEE GUAN ร้านนี้เปิดหลังร้าน BEE CHENG HIANG ไม่นาน แต่ก็เป็นร้านเก่าแก่เหมือนกัน แนะนำร้านนี้ครับ เปรียบเทียบรสชาติแล้วผมรู้สึกชอบมากกว่า ร้าน BEE CHENG HIANG หมูของร้าน LIM CHEE GUAN เนื้อจะฟูแล้วนุ่มอร่อยกว่า แนะนำรสเผ็ดครับ ส่วนอีกร้านเป็นเครือโรงแรมแล้วมาทำหมูแผ่น คือ ร้าน  Fragrance ขายราคาถูกกว่าสองเจ้าแรก แต่ผมไม่เคยชิม

** ที่ไชน่าทาวน์ จะมีห้างชื่อ People Park Centre อยู่ ภายในห้างจะมีร้าน Agency ขายตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่างๆอยู่ แนะนำร้าน SEA WHEEL TRAVEL ชั้น 4 ถ้าผมจำไม่ผิด ตั๋วที่เราซื้อที่นี่จะลดราคาจากตั๋วที่ไปซื้อหน้าสถานที่จริง ทริปที่ผมไปประหยัดไปได้ 30% เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราจะไปด้วย

Gardens By The Bay

สวนที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเช่นกัน สวนนี้ก็สร้างอย่างอลังการตามแบบฉบับสิงคโปร์ ภายในจะแบ่งเป็นสวนประเภทต่างๆ เช่น สวนจีน สวนอินเดีย สวนหิน และอีกหลายๆสวน แต่ทีเด็ดของที่นี่ก็คือ โดมสองโดมที่อยู่ในสวนนี่แหล่ะครับ

Cloud Forest Dome โดมนี้เป็นโดมสูง ยิ่งใหญ่อลังการมาก ยกภูเขาทั้งลูกพร้อมน้ำตกเข้ามาในโดม แถมยังสร้างทางเดิน ขึ้นลงเขาไว้ด้วย ภายในโดมจะมีระบบปรับอากาศ เพื่อความอยู่รอดของพืชชนิดต่างๆในโดม ถ้าเลือกได้โดมเดียว ผมขอเลือกมาเที่ยวโดมนี้ การเดินชมโดม นอกจากชมต้นไม้ประเภทต่างๆแล้ว ยังมีรูปแกะสลักรูปมังกรซ่อนตัวอยู่ตามที่ต่างๆ และยังมีนิทรรศกาลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้ได้ชมกันอีกด้วย

Flower Dome จะเป็นโดมที่จัดแสดงดอกไม้ที่มีสีสันสวยงามประเภทต่างๆ เอาไว้ให้ได้ชม ตอนที่ผมไปมีการจัดเป็นเทศการคริสมาสต์ มีจัดแสดงตุ๊กตาที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลเอาไว้ด้วย

นอกจากโดมทั้งสองโดมแล้ว ยังมีทีเด็ดอีกอย่างก็คือ Super Tree ต้นไม้ขนาดใหญ่สามคนโอบ (ก็สร้างขึ้นมานั่นแหล่ะ) ถือเป็น Hilight ของที่นี่ ด้านบนของ Super Tree ยังมีทางเชื่อม สำหรับ เดินระหว่าง Super Tree ที่เรียกว่า OCBC Sky Way ให้ได้ขึ้นไปเดินกันอีกด้วย ทางเดินจะขึงด้วยลวดสลิงเส้นหนา ให้เราเดิน เวลาลมพัดแรงๆ หรือคนน้ำหนักเยอะๆเดิน ก็มีสั่นไหวบ้างเล็กน้อย และตัว Super Tree ตรงกลางเป็นร้านอาหารให้คนขึ้นไป Dinner กันอีกด้วย

พอตกเย็นจะมีการแสดงชุด OCBC Rhapsody เป็นการแสดงแสงสีเสียงบริเวณ Super Tree  ถ้าอยากดูระยะไกลให้ครอบคลุม แนะนำให้ไปดูที่ Dragonfly Bridge ตรงบริเวณสุดทางเดินที่เดินมาจาก Marina Bay Sands ตรงนี้จะไม่ค่อยได้ยินเสียง มากนัก แต่ตรงนี้ถ่ายรูปสวย

MRT : Bay Front
ค่าใช้จ่าย :
– บริเวณสวน – ฟรี
– โดมสองโดม – 28.00 SGD
– OCBC Skyway – 5 SGD
การแสดง OCBC Rhapsody : 19.45 , 20.45
เปิด – ปิด : 09.00 – 21.00

Universal Studio Singapore (USS)

สวนสนุกระดับโลก Universal Studio Singapore เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวหมายปองเช่นกัน เพราะที่นี่ มีเครื่องเล่นที่แตกต่างจาก Universal Studio อื่นๆ เช่น Universal Studio Japan (USJ) เครื่องเล่นยอดฮิตหลัก ณ ขณะนี้จะเป็น Transformer The Ride และ Battle Galactica Cyclone & Human รถไฟเหาะเกียวคู่อันโด่งดัง ตั๋วสำหรับ Universal Studio ทั่วไปก็จะเป็น 1-Day Pass เล่นได้ทุกอย่าง เท่าที่ลองไปดูจริง แค่ 1 Day Pass  ก็เล่นได้ครบแล้ว ตอนเย็นๆ เครื่องเล่นทุกสิ่งทุกอย่าง จะคิวน้อยลงมาก อีกประการหนึ่งที่ทำให้เราได้เล่นเครื่องเล่นทุกอย่างครบก็คือ พื้นที่ของ Universal Studio สิงคโปร์ ไม่ใหญ่มาก เดินไปเดินมา วนได้หลายรอบ ไม่เหนื่อยมาก แต่แดดอาจจะร้อนนิดหน่อย

MRT : Harbour Front (Vivo City)  แล้วต่อ Sentosa Express (4 SGD) หรือเดินด้วย Broadwalk เอา (ฟรี)
ค่าใช้จ่าย :  1-Day Pass (74 SGD) ดูได้ในเว็บไซต์ rwsentosa ครับ
เปิด – ปิด : 10.00 – 19.00

Singapore Flyer

ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ยักษ์สุดชิว Singapore Flyer ต้องบอกว่ามันยักษ์จริงๆครับ ตู้หนึ่งสามารถจุคนได้เป็นสิบคน ภายในปรับอากาศ ให้เป็นอากาศเย็น แล้วก็ค่อยๆ ไปช้าๆรอบหนึ่งใช้เวลาครึ่งชั่วโมงได้ ตอนที่ลอยขึ้นไปก็จะเห็นวิว เป็นเมืองสิงคโปร์ และอ่าว Marina Bay

** ที่ใต้ Singapore Flyer มี Food Court รายการอาหารน่ากินอยู่ ถ้าแพลนว่าจะมาที่นี่ แล้วยังไม่ได้ทานข้าว ก็สามารถทานที่นี่ได้เลย

MRT : Bay Front (แล้วเดินไป)
ค่าใช้จ่าย : 33 SGD
เปิด – ปิด : 08.30 – 22.00

S.E.A Aquarium (Sentosa)

Aquarium ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่เกาะ Sentosa เช่นกัน มีสัตว์น้ำ มากมายหลากหลายชนิดมากๆ แล้วก็มี พิพิธภัณฑ์ การเดินเรือให้เราได้ชมกันด้วยนอกจากนั้นยังมี 4D Typhoon Theater ให้ดูอีกด้วย (แต่ต้องเพิ่มเงินนะ) ตู้ปลา Hilight จะเป็นตู้ปลาขนาดโครตใหญ่ ใหญ่กว่า จอโรงหนังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเสียอีก ใหญ่เวอร์

** ถ้าเคยไป Aquarium ที่สยามพารากอนแล้ว ผ่านที่นี่ไปก็ได้ครับ นอกซะจากว่า มีความชื่นชอบในการดูปลาจริงๆ ที่นี่ปลาใหญ่ยังมีไม่ค่อยมากครับ แต่เท่าที่ผมเห็นจะเป็นปลาเก๋าใหญ่ แล้วก็ปลากระเบนยักษ์ ส่วนอื่นก็จะมีมีแต่ปลาขนาดกลาง จนไปถึงขนาดเล็ก สีสันสดใส ให้ดูให้ชมกัน  ที่ผมบอกว่าผ่านไปก็ได้ส่วนหนึ่งก็เพราะ คิดว่า อาจจะไม่คุ้มค่าตั๋ว

MRT : Harbour Front (Vivo City) แล้วขึ้น Sentosa Express ลงที่สถานี Water Front (4 SGD) หรือจะเดินข้ามมาแบบฟรีๆ บน Broad Walk ก็ได้
ค่าใช้จ่าย : 38 SGD
เปิด – ปิด : 10.00 – 19.00

Sentosa Resort World

ที่เกาะเซนโตซ่าแห่งนี้ นอกจากจะมี Universal Studio และ S.E.A Aquarium แล้วยังมีที่เที่ยวที่อื่นๆ อีกมากมาย อาทิเช่น Trick Eye Museum (พิพิธภัณฑ์ สี่มิติ), Merlion Park (Merlion ตัวใหญ่) , หาด  Siloli Beach, Tiger Sky Tower, Casino และ เครื่องเล่นต่างๆ อีกมากมาย

สำหรับ Merlion ตัวใหญ่ สามารถซื้อตั๋วขึ้นไปชมวิวบนหัว Merlion ได้ ตั๋วจะมีแบบที่ได้รับของที่ระลึกกับ ไม่ได้รับ ของที่ระลึกจะเป็นเหรียญทอง ตั๋วเข้าไปใน  Merlion ยักษ์ราคา 12 SGD ด้านในจะมีการบรรยายประวัติของ Merlion เป็น Animation ให้เราได้ชมอีกด้วย

มาพูดถึง Casino กันหน่อย ที่ Sentosa Resort World  ก็มี Casino สุดหรูนะครับ ด้านในห้ามถ่ายรูป และมีเครื่องดื่มฟรี คอยให้บริการ แต่ !!! ห้ามพกกระเป๋าเป้ กระเป๋าใบใหญ่ ไปนะครับ อนุญาติ ให้พกแค่กระเป๋าสะพายใบเล็กติดตัวเท่านั้น ถ้ามีกระเป๋ามา เค้าจะมี Locker ให้ฝากกระเป๋า เริ่มต้นที่ ชั่วโมงละ 6 SGD ราคาแสนถูกขนาดนี้ อย่าฝากเลยดีกว่า Casino ที่ไหนก็เหมือนกันนะครับ ห้ามเอากระเป๋าเข้าไป

อีกอย่างหนึ่งที่ฮิตในเกาะ  Sentosa นี้ก็คือ การแสดงชุด Wings of Time แต่ก่อนเป็น Song of the Sea เป็นการแสดง แสงสีเสียง ประกอบกับน้ำพุ เล่าเรื่องราวการเดินทางผ่านกาลเวลา

** ถ้าใครเคยไปดูการแสดง Wonderful Light ตรง Marina Bay Sands แล้ว การแสดงจะใช้เทคนิคคล้ายๆกัน เป็นส่วนมาก ต่างกันแค่ Effect บางอย่างที่ Wing of Time มีมากกว่า การแสดง  Wing of Time จะมี สองรอบ คือ 19.40 และ 20.40 ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 18 SGD สำหรับที่นั่งธรรมดา ใครไปก่อนได้ก่อน และ 23 SGD สำหรับ Premium Seat ที่นั่งดี

Singapore River Cruse

ล่องเรือชมแม่น้ำสิงคโปร์ ขอแนะนำให้ไปตอนฟ้ามืด สามารถขึ้นเรือได้ที่ Clark Quay และ Marina Bay ตรงแถว Merlion Park ท่องเรือเที่ยวชม แสงสีตลอดริมฝั่งแม่น้ำสิงคโปร์ ผ่านสถานที่สำคัญต่างๆมากมาย ถ้าเป็นคนที่ชอบอารมณ์ชิวๆ ชมวิวไปเรื่อยๆ การล่องเรือชมวิวแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ค่าใช้จ่ายในการชมวิว ต่อคน 24 SGD ครับ

Singapore Zoo – Night Safari – River Safari – Jurong Bird Park

สามสวนสัตว์สิงคโปร์ กับอีกหนึ่งสวนนก ที่สิงคโปร์มีสัตว์มากมายหลากหลายประเภทให้ได้ชมกันตั้งแต่ สัตว์หากินกลางวัน ชมได้ที่ Singapore Zoo และกลุ่มสัตว์ที่หากินกลางคืน ชมได้ที่ Night Safari ที่นี่มีการแสดงด้วยนะเออ และถ้าอยากชมบรรยากาศแบบ อเมซอน (ไม่ใช่ Amazon Coffee) ต้องมาชมที่ River Safari เป็นสวนสัตว์น้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหมือนกัน (ก็ประเทศอื่นยังไม่มีนี่หว่า) และถ้าอยากชมนกหลากหลายสายพันธุ์ ก็ต้องเป็น Jurong Bird Park เป็นสวนนกที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับโลกจริงๆ อันนี้น่าไปดูมาก

MRT :
– Singapore Zoo, Night Safari,  River Safari ลงสถานี Ang Mo Kio (NS16) แล้วต่อรถเมลล์สาย 138 ป้ายอยู่ตรงข้ามกับ MRT สามารถข้ามอุโมงไปได้ รถเมลล์สาย 138 จะจอดที่ป้าย  Singapore Zoo เลย ส่วน Night Safari และ River Safari จะอยู่ใกล้ๆกัน
– Jurong Bird Park ลง MRT สถานี Boon Lay Station (EW27) แล้วต่อรถบัสสาย 194 หรือ 251 ลงรถที่ป้าย B22011 เป็นป้ายสุดท้ายก่อนรถเมลล์จะตีกลับ แล้วก็เดินเข้าไปอีกนิดหน่อย

ค่าใช้จ่าย :
– Singapore Zoo 28 SGD
– River Safari 25 SGD
– Night Safari 39 SGD รวม Tram Ride แล้ว 1 รอบ
– Jurong Bird Park 25 SGD

เปิด – ปิด :
– Singapore Zoo 8.30 – 18.00 (ขายตั๋วเวลา 8.30 – 17.30)
– River Safari 9.00 – 18.00(ขายตั๋วเวลา 8.30 – 17.30)
– Night Safari 19.30 – 24.00 (ขายตั๋วเวลา 17.30 – 23.15)
– Jurong Bird Park 8.30 – 18.00 (ขายตั๋วเวลา 8.30 – 17.30)

Fountain of Wealth

น้ำพุแห่งความมั่นคั่ง ฟังชื่อก็อยากรีบมาเยี่ยมซะทีเดียว น้ำพุนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางตึก Suntec City ทั้ง 5 ตึก มีพื้นที่ที่ถือว่าเป็นชัยภูมิที่ดีมาก สำหรับการทำการใดๆก็ตาม ลักษณะเหมือนน้ำพุเป็นวงอยู่กลางฝ่ามือ Fountain of Wealth เป็นน้ำพุที่มีขนาดใหญ่มาก โดยน้ำพุจะพวยพุ่งออกมาจากชั้นใต้ดินขึ้นมาสูงเป็นสิบเมตรเลยทีเดียว และนอกจากนั้น ช่วงเวลากลางคืนยังมีแสงสี ประกอบกับการร่ายรำของน้ำพุอีกด้วย

MRT : Promenade  หรือ  City Hall แล้วเดินต่อ
เปิด-ปิด : 09.00 – 12.00 , 14.00 – 18.00, 21.00 – 23.00
Light Show : 20.00, 20.30 , 21.00

ขอแนะนำ Landmark ที่เที่ยวสิงคโปร์เพียงเท่านี้ก่อนครับ หวังว่าจะได้ไอเดียสำหรับการท่องเที่ยวสิงคโปร์กันบ้างนะครับ อันที่จริงแล้ว สิงคโปร์ ยังมีที่ให้เที่ยวอีกมากมาย Landmark ที่พูดถึงข้างต้น คงจะได้ไอเดียในการท่องเที่ยวบ้างแล้ว ยิ่งถ้าเป็นการเที่ยวสิงคโปร์ครั้งแรก รับรองว่าบทความนี้มีประโยชน์แน่นอน