เที่ยวเกียวโต ฉบับผู้เริ่มต้น

เที่ยวเกียวโต เมืองประวัติศาสตร์ของ ญี่ปุ่น เกียวโต หรือในอดีตถูกเรียกว่าเฮอันเคียว เป็นเมืองหลวงเก่าที่มีประวัติความเป็นมาช้านาน สถานที่สำคัญหลายๆแห่ง ไม่ว่าจะเป็น วัดศาลเจ้า ปราสาท พระราชวัง ล้วนมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่สำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ หากใครมาเที่ยวเกียวโตครั้งแรก ถ้าไม่มาสถานที่เหล่านี้ถือว่ามาไม่ถึงเกียวโตครับ

1. วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือที่เราเรียกกันว่า วัดทอง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นวัดที่มีอายุยืนยาวนานในประวัติศาสตร์เกียวโต จุดเด่นที่จะเห็นได้ในวัดนี้คือ พลับพลาทองคำ บนยอดพลับพลาประดับด้วยไก่ฟ้าทองคำสยายปีกอยู่ ตั้งตระหง่านอยู่กลางสระกระจก พลับพลาทองคำนี้เคยเป็นที่พำนักของโชกุนโยชิมิสึ อะชิคางะ ที่ชื่นชอบการตอบปัญหาปุจฉา วิสัชนา  กับเณรน้อยอิ๊กคิวซัง (เรื่องอิ๊กคิวซังเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น) ของที่ระลึกที่นี่จะเป็นป้ายไม้ที่เขียนอักระต่างๆ และยังมีป้ายไม้รูปอิ๊กคิวซังอีกด้วย หากใครไปเกียวโตแล้วไม่ได้มาที่นี่ ถือว่ามาไม่ถึงเกียวโต

2. วัดเท็นริวจิ (Tenryu-ji) เป็นวัดใหญ่ที่สำคัญที่สุดของของลัทธิรินไซในเกียวโต วัดนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นกัน และเป็นจุดหนึ่งที่เหมาะแก่การชมใบไม้แดงที่เมืองเกียวโต ภายในมีการจัดสวนด้วยฝีมือปรมาจารย์ชื่อดัง มุโซ โซเซกิ และวัดนี้ยังเคยเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิ์ รุ่นก่อนๆ ของญี่ปุ่น รวมทั้งเป็นสถานที่จัดพิธีไว้อาลัยขององค์จักรพรรดิ์อีกด้วย วัดเท็นริวจิเป็นวัดที่ถูกห้อมล้อมด้วยขุนเขา และตรงกลางวัดมีสระน้ำที่ใสสะอาดสวยงาม รอบนอกใกล้ทางออก ยังมีทิวไผ่สูงสูงเสียดฟ้าให้เราชมกัน ของที่ระลึกจะเป็นเหรียญบูชา พระพุทธองค์ ปางต่างๆให้เลือกซื้อลือกชมกัน และนอกจากนั้น ในเขตอาราชิยามะ ที่เป็นที่ตั้งของวัดเท็นริวจิ ยังมีวัดอื่นๆอีกมากมาย ให้ได้ชมกัน และยังมีกิจกรรมล่องเรือชมแม่น้ำโฮซูอีกด้วย

3. วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu Dera) หรือวัดน้ำใส อีกวัดหนึ่งที่เป็นมรดกโลกของเมืองเกียวโต เป็นวัดที่อยู่ในบริเวณของสายน้ำศักดิ์ และสายน้ำนี้ ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อวัดคิโยมิซึเดระ มีความเชื่อว่า การดื่มน้ำใสนี้จะเป็นสิริมงคลกับคนดื่ม จุดเด่นของวัดนี้ก็คือ ระเบียงวัดขนาดใหญ่ ค้ำยันด้วยเสารองรับน้ำหนักที่มีความสูงจากพื้นดินร่วม 13 เมตรที่สร้างโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ในอดีตมีความเชื่อว่าถ้าใครโดดจากระเบียงนี้ลงไปด้านล่างแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้ แปลว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ในปัจจุบัน ทางวัดมีการห้ามไม่ให้โดดแล้ว ในละแวกใกล้เคียง ยังมีศาลเจ้าจินชู เป็นศาลเจ้าที่บูชาเทพเจ้าแห่งความรัก หนุ่มสาวญี่ปุ่นมักจะมาพิสูจน์รักแท้ที่นี่ จะขอเล่านิดหนึ่งก็แล้วกัน ในศาลเจ้าจินชู จะมีหินอยู่สองก้อนที่อยู่ห่างกันประมาณ 6 เมตร 20 ฟุต ฝ่ายชาย หรือหญิงจะพิสูจน์รักแท้ด้วยการยืนคนละฝั่งแล้วให้อีกคนหนึ่งปิดตาแล้วเดินเข้ามาหา ถ้าเดินเข้ามาหาได้แปลว่า ชีวิตคู่จะราบรื่นคู่นี้เป็นคู่แท้ โดยทั่วไปแล้วคู่รักก็จะมีการตะโกนบอกทางกันว่าซ้ายขวาตรง ส่วนคนที่ไปคนเดียวไม่มีคู่ ถ้าหากเดินหลับตาจากหินก้อนหนึ่งไปอีกก้อนหนึ่งได้ ว่ากันว่าจะได้พบรักแท้ที่ตามหา

4. กิออน (Gion) ย่านโบราณที่ให้บรรยากาศความเป็นเกียวโตมากที่สุด ในบริเวณนี้จะเป็นบริเวณที่ประดับประดาไปด้วยร้านค้า ที่ยังคงรูปแบบเดิมในอดีตไว้ ถนนก็ยังคงไว้ด้วยหินขนาดใหญ่ที่ปูเป็นทางเดิน บางครั้งก็จะเห็นผู้คนแต่งชุดประจำชาติญี่ปุ่นออกมาเดินเล่นกัน บางครั้งก็จะเจอไมโกะแต่งตัวออกมาเดินเล่นเช่นกัน สามารถเดินเที่ยวที่นี่ได้ตั้งแต่ช่วงบ่าย ช่วงเย็น แต่ช่วงเย็นจะเห็นคนพลุกพล่านหน่อย แนะนำให้ไปช่วงเย็นครับ ที่สำคัญมีอาหารพื้นเมืองเกียวโตให้รับประทานที่ Gion มากมายอีกด้วย ถ้ารู้ภาษาญี่ปุ่นจะดีมาก เพราะเมนูอาหารส่วนมากไม่ค่อยจะมีรูปภาพให้ดู

5. ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi-Inari Shrine) คงไม่มีใครบอกว่าไม่เคยเห็นรูปประตูโทริอิ (Torii) สีแดงเรียงรายเป็นแถวอย่างสวยงาม ทอดยาวไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด เป็นศาลเจ้าที่เอาไว้บูชาเทพอินาริ เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเทพแห่งจิ้งจอกทั้งปวง โทริอิที่เรียงรายกันอยู่ได้รับการบริจาคจาก เหล่าพ่อค้า เจ้าเมือง เศรษฐี และบริษัทห้างร้านต่างๆ ในปัจจุบัน จนถึงทุกวันนี้มีประตูโทริอิ เรียงรายกันจน เป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร มีจุดชมวิว อยู่ระหว่างกลาง ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิวของเมืองเกียวโต และภูเขาที่ล้อมรอบเมืองเกียวโตได้อย่างสวยงาม

6. ย่านริมแม่น้ำคาโมกาวะ (Kamogawa River) เป็นย่านสำหรับพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์ของเมืองเกียวโต แนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มา เที่ยวเกียวโต กิจกรรมในตอนกลางวัน จะเห็นผู้คนเข้ามานั่งริมน้ำ พูดคุยกัน ส่วนตอนตกดึกๆ ก็ต้องไปรับประทานอาหารริมน้ำกัน มีร้านอาหารมากมาย อยู่ริมแม่น้ำคาโมกาว่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เอาล่ะทีนี้เราก็ถึงเวลาการวางแผนการเดินทาง เที่ยวเกียวโต ใน 1 วันกันแล้วครับ

มาวางแผนการเดินทาง เที่ยวเกียวโต กันก่อน

1) วัดคินคะคุจิ วัดคิโยมิสึเดระ ย่านกิออน และย่านริมน้ำคาโมกาว่า ต้องใช้รถบัสในการเดินทางครับ แนะนำให้ใช้ตั๋ว 1 day bus ของเกียวโตครับ ราคา 500 เยนสุดคุ้ม ใช้นั่งรถบัสในเกียวโตได้ทั้งวัน แต่ถ้าใครมี Kansai Thru Pass อยู่แล้ว ก็สามารถใช้ได้ครับ

2) วัดเท็นริวจิ และ ศาลเจ้า ฟูชิมิ อินาริ ต้องใช้รถไฟในการเดินทางครับ สามาถใช้ได้ทั้ง รถไฟ JR และรถไฟเอกชน ถ้าเป็น ที่ ศาลเจ้า ฟูชิมิ อินาริ ให้ใช้สาย Keihan ถ้าเป็น วัดเท็นริวจิ ให้ใช้สาย Keifuku Electric Railway แนะนำให้ใช้ JR ดีกว่าครับ ไม่ยุ่งยาก แล้วก็ไปถึงที่หมายเหมือนกัน

เริ่มต้น เที่ยวเกียวโต

[plm_timetable time=”07.00″] เริ่มต้นกันที่สถานีเกียวโตกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นต้องเตียมตัวด้วย การไปหาซื้อตั๋ว 1 day bus ของเกียวโตกันก่อนครับ หาซื้อได้ที่ Tourist Information Center ของสถานีเกียวโตครับ [/plm_timetable]

Link แผนที่สถานีเกียวโตครับ http://www.kyoto-station-building.co.jp/map_en/ ที่ต้องมีแผนที่ก็เพราะว่าสถานีเกียวโต มันใหญ่โตมาก กว่าจะหาโน่นหานี่เจอ ใช้เวลานานถ้าเรา ไม่รู้ทิศทาง ดังนั้น รู้แผนที่ไว้ก่อนดีกว่าครับ

Link ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการ เที่ยวเกียวโต ครับ http://www.city.kyoto.jp/koho/eng/access/transport.html

Link แผนที่รถบัส ในเมืองเกียวโต ครับ http://www.comp.nus.edu.sg/~sharmili/personal/TravelBlogs/Kyoto/kyoto.html

[plm_timetable time=”07.15″]ออกเดินทางไป วัดเท็นริวจิก่อน โดยเริ่มต้นนั่ง JR ไปที่สถานี SAGAARASHIYAMA

[/plm_timetable]

[plm_timetable time=”07.40″] ลงรถไฟแล้ว เดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึง วัดเท็นริวจิ [/plm_timetable]

[plm_timetable time=”07.50″] เที่ยว วัดเท็นริวจิ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แล้วจากนั้นออกไปเที่ยว บริเวณสะพาน Togetsukyo ซึ่งอยู่ใกล้กัน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที [/plm_timetable]

[plm_timetable time=”08.40″]นั่งรถไฟออกมาจากสถานี SAGAARASHIYAMA ไปลงที่สถานี EMMACHI ใช้เวลาประมาณ 4 นาที

[/plm_timetable]

[plm_timetable time=”08.50″] ขึ้นรถประจำทางสาย 204, 205 มาลงหน้า วัดคินคะคุจิ มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมบริเวณวัด 400 JPY หรือประมาณ 160 THB ใช้เวลานั่งรถบัส ประมาณ 20 นาที และเที่ยวภายในวัดอีก 40 นาที [/plm_timetable]

[plm_timetable time=”10.o0″]เราจะไป ย่านกิออน กันต่อครับ จากนั้นนั่งรถบัสมาลงที่ EMMACHI ที่เดิมครับ แล้วต่อ รถไฟ JR จาก EMMACHI ไปลงที่สถานี KYOTO ครับ

[/plm_timetable]

[plm_timetable time=”10.15″]นั่งรถบัสสาย 100, 206 ไปลงที่ป้าย GION ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 20 นาที แล้วเดินเที่ยว กินออน ต่อ 40 นาที ใกล้ๆ ย่าน กิออน มี ศาลเจ้ายาซากะ ให้แวะชมอีกด้วย ใช้เวลาชมสัก 30 นาที

[/plm_timetable]

[plm_timetable time=”11.45″]เดินเสร็จให้กลับมาที่ป้าย GION แล้วรอรถบัสสาย 100,202,206,207 นั่งมาลงที่ป้าย Kiyomizu-Michi ใช้เวลาประมาณ 15 นาที [/plm_timetable]

[plm_timetable time=”12.00″]เดินเข้าไปตามทางจนถึง วัดคิโยมิสึเดระ แวะกินข้าวเที่ยวแถวนี้ได้เลยครับ ใช้เวลาเดินทาง + กินข้าวเที่ยงประมาณ 1 ชม. 30 นาที

[/plm_timetable]

[plm_timetable time=”13.30″] ใช้เวลาเที่ยวชม วัดคิโยมิสึเดระ ประมาณ 1 ชม. แล้วเดินออกมาทางป้ายรถบัส GOJOZAKA ใช้เวลาเดินออกมาประมาณ 20 นาที และ ให้นั่งรถบัสสาย 100, 206 ไปลงสถานี KYOTO ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที [/plm_timetable]

[plm_timetable time=”15.10″] นั่งรถไฟ JR จากสถานี KYOTO ไปลงที่สถานี INARI

[/plm_timetable]

[plm_timetable time=”15.20″]ใช้เวลาชม ศาลเจ้า ฟูชิมิอินาริ ประมาณ 1 ชม. แต่ถ้าอยากขึ้นไปชมจุดชมวิวเกียวโตด้วย ก็ให้เผื่อเวลาไว้สัก 2 ชม.[/plm_timetable]

[plm_timetable time=”16.20″] เดินทางกลับ สถานี KYOTO ขึ้นรถไฟ JR เหมือนเดิม

[/plm_timetable]

[plm_timetable time=”16.30″]นั่งรถบัสสาย 100,206 ไปลงป้าย GION แล้วเริ่ม เดินชมร้านค้า และร้านอาหารริมแม่น้ำ Kamogawa ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30 นาที  หรือจะนั่งชมวิว นานกว่านั้นก็ได้ครับ [/plm_timetable]

[plm_timetable time=”18.00″]นั่งรถบัสสาย  100, 206 กลับสถานี KYOTO เป็นอันจบทริปครับ[/plm_timetable]